เทศน์เช้า

กรรมดี

๑o พ.ย. ๒๕๔๔

 

กรรมดี
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๔
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ทำความดีไง การทำความชั่ว เห็นไหม พระเจ้าอชาตศัตรูคบมิตรผิด พอคบมิตรผิดนี่ ทำให้ทำความผิดไปก่อน พอทำความผิดไปก่อนแล้วมาทำความดีทีหลัง เข้าไปหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “ถ้าพระเจ้าอชาตศัตรูไม่ได้ฆ่าบิดา อย่างน้อยต้องเป็นพระโสดาบัน” แต่เพราะทำความชั่วอันนั้นไว้แล้วนี่ มันปิดกั้นความดีของพระเจ้าอชาตศัตรู

อชาตศัตรูตายไป เห็นไหม พอเสร็จแล้วมาศรัทธาในศาสนาของพระพุทธเจ้ามาก ทีแรกหลงผิดไปก่อน แต่เพราะใจของตัวเองเป็นใจที่ว่ามันก็มีคุณงามความดีในใจ พระเจ้าอชาตศัตรูหนึ่ง พระเทวทัตหนึ่ง พอเกิดมาแล้วนี่ พอพ้นจากนรกขึ้นมานะ จะต้องมาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งคู่เลย เห็นไหม เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้านี่ศึกษาด้วยตนเอง สำเร็จไปด้วยตนเอง จะสำเร็จไปด้วยตนเองภายภาคหน้า

นั่นน่ะทำคุณงามความดี ถ้าคุณงามความดีเป็นคุณงามความดีตลอดไป คุณงามความดีอันนี้มันจะทำให้เราไม่มีความปิดกั้นไง ถ้าเราทำความผิดพลาดเอาไว้นี่ ด้วยความคบมิตรผิด เห็นไหม คบคนผิด คบคนชี้ทางที่ผิด ชี้ทางที่ผิดทำให้เราหลงไปในทางที่ผิดไป ถ้าหลงไปในทางที่ผิดขึ้นมานี่ เวลาทำคุณงามความดี มันต้องไปชดใช้กรรมอันนั้นก่อน

เรานี่ไม่ต้องชดใช้กรรมอันนั้นก่อนเพราะเรากำลังไม่มีความผิดพลาดสิ่งใด เราควรจะตั้งใจของเราแล้วทำคุณงามความดีของเรา คุณงามความดีของเราให้เป็นคุณงามความดีเข้าหลักสัจธรรม คุณงามความดีของเรา เราก็คิดแต่คุณงามความดีของเรา คุณงามความดีก็มีหยาบ มีกลาง มีละเอียด เด็ก ๆ ทำคุณงามความดีของเด็ก เด็กก็ทำคุณงามความดีของเขา เขาว่าเป็นคุณงามความดีของเขา เขาเหนื่อยมากนะ ทำอะไรได้นี่มาบอกพ่อบอกแม่ว่าทำคุณงามความดีแล้ว นั่นเป็นเรื่องของเด็ก ๆ เขา

เรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องของคนชราภาพ เห็นไหม เรื่องคนแก่คนเฒ่าขึ้นมานี่ คุณงามความดีของเขามันต้องทำให้ถึงใจของเขา เพราะอะไร? เพราะคนเรามันจะออกจากร่างแล้ว คนเราเกิดมานี่ต้องตายหมด ทุกคนรู้อยู่ ความตายทุกคนต้องพลัดพราก ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ชีวิตนี้มีความตายเป็นที่สุด แล้วเวลาตายไปนี่จะเอาอะไรเป็นที่พึ่ง สิ่งที่เป็นที่พึ่งน่ะคุณงามความดีถึงคนที่ใกล้จะตายนี่มันสละได้ทั้งหมดน่ะถ้าสละออกไป เพื่อให้เห็นคุณงามความดีอันนั้น

แต่คนถ้าไม่เข้าใจเรื่องทางนี้เลยนี่ จะปฏิเสธทั้งหมด เห็นไหม คนเราถ้าปฏิเสธเรื่องคุณงามความดี ปฏิเสธเรื่องบุญกุศล พอปฏิเสธเรื่องบุญกุศลมันจะเอาอะไรเป็นที่พึ่ง ปฏิเสธเรื่องบุญกุศล บุญกุศลนี่ทำไปมันทำแล้วมันไม่ได้ผล ถ้าทำไม่ได้ผล คุณงามความดี แดดออกทำไมเวลาเราไปยืนกลางแดด ทำไมมันร้อนล่ะ เวลาลมพัดมาทำไมมีความร่มเย็น เห็นไหม ความเย็นของลมพัดมาลมโชยมานี่ เรามีความสุขใจ

บุญกุศลต้องมีผลสิ ถ้าไม่มีผลการกระทำนั้นมันไม่มีผลได้อย่างไร ในเมื่อมีการกระทำอยู่ กรรมคือการกระทำ เห็นไหม สัตว์โลกเกิดมาจากกรรม เพราะเราทำคุณงามความดีเราถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์แล้วเห็นไหม กรรมยังทำให้เราไปสูง ๆ ต่ำ ๆ ขึ้นมา กรรมที่เรากระทำไว้นี่ สิ่งที่เรากระทำไว้หมดเลยถึงจะเป็นผลของเรา เรากระทำไว้ถึงจะให้ผลของเรา

ถ้าเราไม่ทำไว้ เห็นไหม เราปรารถนาขนาดไหนมันก็ไม่ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่ได้ทำไว้ มันเป็นสิ่งที่สุดวิสัย มันจะได้สิ่งนั้นไปแล้วมันก็พลัดพรากออกจากเราไป ๆ เราจะไม่ได้สิ่งนั้นเลย เพราะเราไม่ได้ทำของเราไว้ เราถึงต้องมาทำจากปัจจุบันนี้ไง ถ้าเราไม่ได้ทำไว้เราก็มาทำปัจจุบันนี้ ทำคุณงามความดี เราเชื่อในบุญกุศล เราสะสมไปตั้งแต่บัดนี้ไป เราสะสมตั้งแต่วันนี้ไป มันก็จะให้ผลกับเราในความสะดวกความร่มเย็นของเรา

ศีลหอมทวนลม คุณงามความดีนี่หอมไปทวนลม เห็นไหม เข้าที่ไหนเราก็เข้าได้องอาจกล้าหาญ แล้วความดีของเรานี่มันไปตามลม กลิ่นของคุณงามความดี กลิ่นของศีลหอมทวนลม กลิ่นของดอกไม้ กลิ่นของอะไรมันไปตามลมเข้าไป คุณงามความดีเราทำเข้าไปนี่ มันเป็นไปอย่างนั้น แล้วตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้นะ คนที่มีคุณงามความดีถึงตกอับจะมีคนช่วยเหลือ ถ้ามีคนช่วยเหลือมีสิ่งที่เป็นไป นี่บุญมันให้ผลอย่างนั้น

นี่เวลาบุญให้ผล ไม่ใช่ว่าเราทำแล้วเราจะแสวง เราต้องการได้ในปัจจุบัน ทุกคนจะบ่นมากเลยว่าทำคุณงามความดีแล้วไม่ได้คุณงามความดี คุณงามความดีเราทำแล้วทำไมเราทุกข์ยากอยู่ เราไม่ประสบคุณงามความดี คุณงามความดีของเรา กรรมเก่ากรรมใหม่ เห็นไหม อนาถบิณฑิกเศรษฐีน่ะ สร้างคุณงามความดีขนาดว่าสร้างวัดสร้างวาสร้างทั้งหมด เวลาจนขึ้นมานี่ ถึงเวลาตกทุกข์ได้ยากนี่ อนาถะจนไปทีหนึ่ง เห็นไหม จนว่าทรัพย์สินสมบัตินี่หายไป โดนน้ำพลัดพรากจากไป นั่นน่ะเขาสร้างวัดมา อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าขึ้นมา เวลามันตกถึงกรรมมันให้ผล ทำไมกรรมมันให้ผลอย่างนั้นล่ะ?

กรรมมันให้ผลอย่างนั้นได้เวลามันตกทุกข์ได้ยาก เวลามันตกทุกข์ได้ยากมันก็ตกทุกข์ได้ยากทั่วไป แต่ก็ยังฝืนทน เห็นไหม ตกทุกข์ได้ยาก คนเรานี่คนดีมันก็ไม่ยอมพลัดพรากจากคุณงามความดี ยังให้ทานอยู่ ขนาดว่าจนไม่มีข้าวจะกิน เวลาพระผ่านมาก็จะให้พระก่อน จะให้เขาก่อน แต่สุดท้ายแล้วคุณงามความดีอันนั้นก็ย้อนกลับมาให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกหนหนึ่ง เห็นไหม ทรัพย์สมบัติกลับมาหาเขาอีกหนหนึ่ง

นั่นน่ะเราจะปรารถนาเอาแต่ปัจจุบันนี้เลย เราคิดของเราว่าถ้าเราทำคุณงามความดีแล้วมันต้องได้ผลประโยชน์ปัจจุบันนี้ ผลปัจจุบันนี้กรรมเก่ากรรมใหม่ล่ะ กรรมเก่าเราเคยทำคุณงามความดีทำอะไรไว้ พระโมคคัลลานะ เห็นไหม เป็นพระอรหันต์นะ เหาะหนีไปถึง ๓ หน แต่เพราะเคยทำกรรมอันนั้นไว้ กรรมอันนั้นตามมาทันแต่เฉพาะร่างกายของพระโมคคัลลานะ แต่ไม่สามารถตามทันในหัวใจของพระโมคคัลลานะได้ พระโมคคัลลานะนี่เป็นพระอรหันต์สิ้นไปจากกรรมแล้ว

นี่สอุปาทิเสสนิพพาน เศษส่วนของร่างกายนั้นโดนโจรทุบจนแหลกลาญลงไป แล้วก็รวบรวมร่างกายใหม่ รวบรวมร่างกายขึ้นมาไปลาพระพุทธเจ้า ลาปรินิพพานนะ กลับมาคลายฤทธิ์ออกไป เห็นไหม จะเข้าถึงได้เฉพาะเรื่องของร่างกาย จะไม่เข้าถึงเรื่องของจิตใจเลย เพราะเรื่องของจิตใจ พระอรหันต์ไม่มีความกระเทือนใจดวงนั้นได้ ทุบจนแหลกลาญขนาดไหนก็ทุบไปเถิด ทุบแต่ร่างกาย เพราะว่าเวทนามันเป็นเวทนาของกาย เวทนาของจิตเข้าไม่ถึง

ความเข้าไม่ถึงอันนั้นน่ะ นี่กรรมเก่ากรรมใหม่ มันมีเรื่องของกรรมเก่ากรรมใหม่เข้ามาปิดกั้นของเรา กรรมเก่ากรรมใหม่ของเรามันถึงทำเราประพฤติปฏิบัติ เราประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม เราทำขึ้นมาเพื่อจะให้มันสะดวกสบาย เราสร้างขึ้นมา ถ้าสิ่งใดสะดวกสบายสิ่งนั้นจะไม่ได้เลย สิ่งใดสะดวกสบายนี่ กิเลสมันหลอกไว้ก่อน พอเราเอาจริงเอาจังเข้าไป มันจะติดขัดไปหมดเลย

ถ้าสิ่งใดมันเป็นอุปสรรคขัดขวางอยู่นะ เราผ่านอุปสรรคมาแต่ละชั้นแต่ละตอนขึ้นมา พอมันทำขึ้นไปนี่ จิตใจมันเข้มแข็งขึ้นมา ถ้ามีอุปสรรคขึ้นมา เราทำขึ้นมา เรามีอุปสรรคขึ้นมาแล้วเราพยายามฝืนอุปสรรค ฟันฝ่าอุปสรรคผ่านอันนั้นไป ใจจะมีความชุ่มชื่นขึ้นมาในหัวใจ เพราะว่าอะไร? เพราะเราชนะขึ้นมาไง เราชนะตนเองขึ้นมา ชนะอุปสรรคนั้น ถ้าเราชนะอุปสรรคนั้นเราก็สามารถจะเริ่มทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับเราได้ ทำประโยชน์ที่สูงกว่านั้นขึ้นมา

ถ้าเราไม่มีอุปสรรคเลยนี่ มีแต่ความสะดวกสบาย ความทุกข์เห็นไหม ความเพียรนี่มันเป็นความทุกข์อันหนึ่ง เพราะความเพียรนี่เป็นงาน งานนี่เราต้องพยายามต่อสู้ การทำงานนี่ประกอบความเป็นการเป็นงานขึ้นมา มันเป็นความลำบากขึ้นมาในงานนั้น แต่เราพอใจในผลอันนั้นน่ะ ผลของงานที่เราจะได้ผลประโยชน์จากงานอันนั้นเราก็จะพอใจทำ อุปสรรคมันจะขัดขวางงานนั้น เราก็ไม่ยอมให้อุปสรรคนั้นมาขวางหน้าเรา ถ้าเราไม่ยอมให้อุปสรรคมาขวางหน้าเรา เราจะทำผลประโยชน์ของเราได้

ถ้ามีอุปสรรคขึ้นมานี้เราก็ล้มลุกคลุกคลานไป เห็นไหม มีอุปสรรคขึ้นมาเล็กน้อยเราก็ล้มลุกคลุกคลาน ล้มลุกคลุกคลานไป ความดีที่อย่างนั้นเราจะไม่ได้เลย ความดีของการชนะกิเลส การชนะกิเลสคือการชนะตน ถ้าเราจะชนะตนขึ้นมาได้ เห็นไหม เราชนะตนได้เราต้องพยายามเอาชนะใจของเราได้ สิ่งนั้นมันเป็นเครื่องลวงหลอก มันเป็นสิ่งที่ว่า พอกระทบสิ่งนั้น เห็นไหม อย่างเช่นทำความเพียรนี่ มันจะเหนื่อยมันจะยาก เวลาอดอาหารขึ้นมานี่ แล้วมันจะหิวมันจะโหย กระเพาะอาหารมันจะเสีย มันจะมีเรื่องหิวนี่มาหลอก มาทำให้เราพลัดพรากจากคุณงามความดี

สิ่งนั้นเป็นอุบายวิธีการ เป็นกลอุบาย ถ้าไม่มีกลอุบายวิธีการเลยเราจะไม่สามารถชนะกิเลสได้เลย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานไว้ เห็นไหม เรื่องของการชนะกิเลส มันต้องเรื่องของความเพียร เรื่องของสร้างมรรคขึ้นมา แล้วเรื่องของว่าเราเป็นปัจจัตตัง หรือว่าต้องรู้จำเพาะตน ใจดวงนั้นต้องสร้างสมใจดวงนั้นขึ้นมาเอง ถ้าใจดวงนั้นสร้างสมขึ้นมาเองนี่ มรรคอริยสัจจังมันจะเคลื่อนตัวได้อย่างไร ปัญญาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่มีปัญญาเกิดขึ้นเอาอะไรชำระกิเลส ไม่มีศีล สมาธิ ปัญญา เราจะเอาอะไรไปชำระกิเลส

การทำความเพียรนั้นน่ะเป็นการสะสมขึ้นมา การทำความเพียรนะเหมือนนักกีฬาเลย เวลาฝึกซ้อมขึ้นมานี่ ได้แต่เหงื่อ ได้แต่ความเหนื่อย ได้แต่ความทุกข์ยากขึ้นมา แต่ร่างกายที่มันจะเข้มแข็งขึ้นมา นักกีฬาคนนั้นจะเล่นกีฬานี่กำลังวังชาก็จะพอไป อันนี้ก็เหมือนกัน เราทำความเพียรขึ้นมา เรามีความทุกข์ความยากนี่ กิเลสมันจะเข้ามาขัดขวางในการประพฤติปฏิบัติของเรา ถ้าเราประพฤติปฏิบัติของเรานี่มันขัดขวาง เห็นไหม เราชนะตรงนั้นเป็นเปาะ ๆ ขึ้นไปนะ เราชนะความเห็นผิดของเรานี่เป็นเปาะ ๆ ขึ้นไป

พระเจ้าอชาตศัตรูคบคนผิด เห็นไหม ถึงได้ต้องไปใช้กรรมก่อน แล้วจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าต่อไปในอนาคต แต่ก็ต้องไปทนทุกข์ทรมานขึ้นไป เพราะทำความผิดขึ้นไป อันนี้ก็เหมือนกัน เราคบปัญญาของเรา เราคบความเห็นของเรา มันก้าวเข้ามาในความเห็นของเรานี่ ถ้าความว่าสิ่งนั้นมันทำได้ยาก สิ่งนั้นเป็นที่ว่าทำแล้วมันจะไม่ได้ประโยชน์นี่ อันนั้นมันเป็นอะไร? เป็นคนพาลภายในใช่ไหม ทำไมเราจะผลักไสความเป็นพาลอันนั้นออกไปจากใจของเราไม่ได้

ถ้าเราผลักไสสิ่งที่เป็นพาลออกจากใจของเราไม่ได้ ปัญญาเรามันก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าปัญญาเกิดขึ้นมานี่ มันจะฆ่าความคิดอย่างนี้ ปัญญาอย่างละเอียดนี่ มันมรรคหยาบ มรรคกลาง มรรคละเอียด เห็นไหม ปัญญาอย่างหยาบ ๆ มันเกิดขึ้น เราปรารถนาจะพ้นทุกข์ เราจะทำความเพียรของเรา นั่นปัญญาเริ่มต้น แต่ปัญญาเกิดขึ้นในขณะทำความเพียร ปัญญาเกิดขึ้นในการภาวนามยปัญญามันยังไม่เกิดขึ้นเลย สิ่งที่เกิดขึ้นมานี่มันจะเป็นชั้นเป็นตอนละเอียดอ่อนเข้าไป ปัญญาจะซับเข้าไปเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไป

แล้วโดยชอบ ความว่าคำว่า “โดยชอบ” นี่ มันจะปล่อยขึ้นมาโดยความเห็นของมัน โดยความเป็นจริงของมัน ถ้าปล่อยโดยไม่ชอบ เห็นไหม ความปล่อยโดยไม่ชอบนี่ ปัญญาหยาบ ๆ นี่มันปล่อยโดยไม่ชอบ ไม่ชอบว่าสิ่งนั้นผิด สิ่งอื่นถูก มันปล่อยสิ่งหนึ่ง มันไปจับอีกสิ่งหนึ่ง ปล่อยสิ่งหนึ่ง แล้วไปยึดอีกสิ่งหนึ่ง มันปล่อยโดยไม่ธรรมชาติของมัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก “ปล่อยโดยชอบ” มันปล่อยวางทุกอย่างไว้โดยชอบ โดยชอบด้วยปัญญาเข้าไปชำระแล้วนี่ มันปล่อยวางแล้วใจมันจะเป็นอิสรเสรีภาพขึ้นมา

แต่ถ้าเป็นธรรมดายางเหนียวของกิเลสนี่ มันจะไม่ปล่อยโดยธรรมชาติของมัน มันติดไปไง มันปล่อยสิ่งหนึ่ง เหมือนเราจับสิ่งหนึ่งไปปล่อยอีกสิ่งหนึ่ง เห็นไหม ปล่อยโดยไม่ชอบ ปล่อยโดยไม่ชอบไม่ได้ชำระกิเลสเลย มันปล่อยโดยธรรมชาติของมัน มันปล่อยโดยเป็นอนิจจัง มันปล่อยด้วยสิ่งที่เป็นอนิจจังไง “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นต้องแปรสภาพเป็นธรรมดา” พอแปรสภาพไปสิ่งหนึ่งต้องปล่อยสิ่งหนึ่ง ไปยึดใหม่สิ่งใหม่ ยึดสิ่งใหม่ขึ้นมาเรื่อย แล้วสิ่งใหม่ขึ้นมาโดยไม่ชอบ สิ่งที่โดยไม่ชอบมันก็ปล่อยวางได้ มันถึงไม่เป็นมรรค

สิ่งที่เป็นมรรคมันต้องปล่อยไว้โดยชอบ มันเป็นสัมมาทั้งหมด มันเป็นความเห็นชอบ เป็นความดำริชอบ ความคิดชอบ สิ่งที่เป็นความชอบเข้าไป มันก็ปล่อยวางโดยชอบ ปล่อยวางโดยชอบขึ้นมามันก็ชำระกิเลสไปโดยเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมา มันปล่อยวางด้วยปัญญามันชำระกิเลสขึ้นมา มันถึงจะปล่อยวางได้ ถ้าปัญญาไม่ฟาดฟันเข้าไปมันปล่อยวางไม่ได้หรอก มันเพียงแต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ว่ามันพึ่งไม่ได้แล้วมันถึงปล่อย

ถ้ามันพึ่งได้ สิ่งไหนที่เป็นอารมณ์ มันคิดอยู่ได้ มันความเห็นอยู่ได้ มันจะไม่ยอมปล่อยสิ่งนั้น มันจะยึดสิ่งนั้นไว้เป็นธรรมชาติของมันตลอดไป มันยึดสิ่งนั้นแล้วมันก็ยึดไปคลายไป เห็นไหม มันก็เป็นสมมุติทั้งหมด สิ่งที่เป็นสมมุติคือเป็นสิ่งที่มันแปรสภาพทั้งหมด สิ่งที่ไม่มีจริงเลย แล้วมันจะพึ่งอะไรได้ มันก็เกาะเกี่ยวกับสิ่งนั้นตลอดไป

นี่สมมุติกับวิมุตติ สิ่งที่เป็นวิมุตติ เห็นไหม มันปล่อยวาง แล้วมันปล่อยวางตัวมันเอง แล้วมันมีความว่างในตัวมันเอง สิ่งที่มีธรรมในหัวใจมันเป็นวิมุตติ สมมุตินี้มันพึ่งไม่ได้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมมุติ เป็นที่เกาะเกี่ยวกัน มันเป็นธรรมชาติของมัน เป็นกระแสที่หมุนตามไป แต่วิมุตติยังไม่เกิดขึ้นกับเราเลย เราไม่เคยเห็นความเป็นหลุดพ้นของใจ เราไม่เคยเห็นความวิมุตติของใจ เราถึงต้องพยายามคบธรรมะไง คบธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พยายามคบธรรมขึ้นมา แล้วสร้างสมขึ้นมา ถ้าคบธรรมขึ้นมาได้นะ ศีล สมาธิ ปัญญาจะเกิดขึ้นมาจากเรา

เวลาเรามีความปล่อยวางของใจ เราจะว่างมาก เราจะมีความพอใจ มีความสุขชั่วคราว เห็นไหม ความสุขชั่วคราวเพราะอะไร? เพราะมันไม่หิวโหย มันไม่ดิ้นรนออกไป นั่นน่ะถ้ามันมีสมาธิขึ้นมา แล้วเกิดมีปัญญาขึ้นมา มันใคร่ครวญใจตามความเป็นจริงขึ้นมา มันจะปล่อย มันจะชำระไง มันชำระสะสาง ปัญญานั้นฟาดฟันกิเลสจนกิเลสมันจะขาดออกไป มันจะเห็นวิมุตติตรงนั้นหรอก เห็นไหม มันซัด มันทำลาย ปัญญามันฟาดฟันในอะไร? ฟาดฟันในจิต จิตมันโดนชำระสะสางขึ้นมา มันก็เข้าใจตัวมันเอง

แล้วมันจะปล่อยวางสิ่งที่เป็นยางเหนียวออกไปจากใจ นั้นน่ะวิมุตติจะเกิดขึ้นจากตรงนั้น เป็นชั้นเป็นตอนเข้าไป ละเอียดอ่อนเข้าไปเป็นชั้น ๆ เข้าไป จนถึงที่สุด เห็นไหม ถึงที่สุดใจนั้นเป็นเอโก ธัมโม ใจนั้นเป็นหนึ่ง ใจนั้นไม่พลิกแพลงไปอีกเลย เป็นความสุขแท้ของใจดวงนั้น นั่นน่ะถ้าคบธรรมแล้วมันจะมีความสุขของใจจริง ๆ เราคบธรรม

ถ้าคบคนพาลแล้วเสมือนพระเจ้าอชาตศัตรู เห็นไหม ถ้าไม่คบคนพาลก่อนจะถึงที่สุดในชาตินี้แน่นอนเลย เพราะอะไร? เพราะว่าฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีเดียวก็จะเป็นพระโสดาบันขึ้นมาแล้ว แต่นี่ไม่ได้ กรรมอันนั้นมันกั้นอยู่ อนันตริยกรรม ฆ่าบิดา นี่กรรมแรงขึ้นมา เพราะอะไร? เพราะความเห็นผิด เพราะความโลภผิด ความเห็นผิดของเรามันถึงทำให้เป็นกรรม กรรมอันนั้นสะสมแล้วมันเกิดขึ้นมาต้องให้ผลอันนั้น นี่กรรมถึงมีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

แล้วเราสร้างคุณงามความดี กรรมจะต้องให้ผลกับเรา เราสร้างคุณงามความดี กรรมจะให้ผล แต่มันยังไม่ให้ผลตอนนี้ เพราะยังไม่ถึงเวลา ไม่ถึงเวลาเพราะมันมีกรรมเก่ากรรมใหม่ซับซ้อนกันไป กรรมนี้เป็นเรื่องอจินไตย ไม่มีใครสามารถชำแรกเรื่องของกรรมได้หมดเลย เพราะเป็นอจินไตย เว้นไว้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะว่าเราทำกรรมสิ่งใดมา ๆ มีอะไรถึงถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเกิดไม่ทันองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เราเกิดทันตามธรรมวินัย เราพยายามสร้างธรรมวินัยนี้ให้เป็นสมบัติของเรา เอวัง